เหมือนไม่อยากรับรู้ข่าวสารข้อมูลใดๆในเชิงเหตุผล เหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งกระแสใจ เพราะสิ่งปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นดูราวกับเรื่องไร้เหตุผล ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์จะตัดผ่านดินแดนเช่นนี้ได้อย่างไร อีกทั้งมันเป็นบรรยากาศที่คนไม่ควรมาอยู่ด้วยซ้ำ
สองข้างถนนมีแต่ความเงียบกับลม
ความไร้เหตุผลของสถานที่ ทำให้ผมรู้สึกไปกับเรื่องไร้เหตุผลด้วยเช่นกัน หลังคาโลกเป็นแผ่นดินก้อนหินของยอดเขา ที่ราบแคบๆก็เป็นร่องรอยของภูเขาเปื่อยผุพังมาก่อนทั้งนั้น เรียกว่ามองไปทางไหนก็ยังเห็นหินไหล ไม่มีผืนดินกว้างให้มนุษย์ควรตั้งถิ่นฐานหาอยู่หากินด้วยซ้ำ
จากพาสสุ(passu)จุดชมวิวสวยงามไปบนถนนทางหลวงไฮเวย์ราว 33 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราวหนึ่งชั่วโมง กลับเป็นระยะทางที่ยาวนานมาก สงบสงัดเหลือเกิน มีที่พักเป็นบ้านหินหลบซ่อนอยู่ใกล้หน้าผาบ้าง ตั้งอยู่ท่ามกลางดงก้อนหินบ้าง แต่มีนับจำนวนหลังได้ ที่สำคัญนั้นไม่เห็นความเป็นชุมชนตั้งอยู่ให้เห็นเลย บ้านหินเงียบร้างเหมือนที่พักค้างคืนของนักแสวงบุญหรือไม่ก็คนเร่ร่อนมากกว่า ไม่เห็นมีคนอยู่ทั้งนั้น
เรากำลังไปไหน? ผมถามใจตัวเอง ไปให้ถึงชายแดนอย่างที่ตั้งความหวังไว้สิ มีอะไรที่ชายแดน ผมทราบมาล่วงหน้าบ้างว่า เว้นจากทหารปากีสถานกับทหารจีนแล้วไม่มีใครอยู่บนพรมแดน ก็จะอยู่ได้อย่างไร เมื่ออากาศติดลบ มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ตลอดเวลา
แต่คำตอบหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจผม คือผมไม่ได้ตั้งมั่นว่าจะพิชิตดินแดนไกลลึกสุดขอบประเทศปากีสถาน หรือย่ำจุดตั้งต้นของอาณาเขตประเทศจีน เปล่าเลย แต่ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของหลังคาโลกต่างหาก ขึ้นชื่อว่าหลังคา ย่อมหมายถึงส่วนที่อยู่สูงที่สุดของบ้าน
ยืนอยู่บนอาณาบริเวณหลังคาโลก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ถนนทางหลวงซุปเปอร์ไฮเวย์สมราคาชื่อบอกจริงๆ ถนนลาดยางอย่างดีเยี่ยม ราวกับเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ทางคดโค้งเลาะขอบตีนเขาใหญ่ชิดขอบเหวอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าหาทางตรงระยะไกลได้ยากมาก รถแล่นฉวัดเฉวียนไปตามทางโค้งคดเหมือนพับผ้าอยู่อย่างนั้น
เส้นทางอันยาวไกลทอดคู่ขนานไปกับแม่น้ำกุนจีราบ ลำน้ำสายเดียวที่มุ่งไปหาเมืองโซสต์และกุนจีราบชายแดนจีน ว่าไปแล้วก็คือลำน้ำที่เกิดจากธารน้ำแข็งบาทูร่านั่นเอง ธารน้ำแข็งใหญ่ที่มีความยาว 56 กิโลเมตร มีธารเล็กธารน้อยไหลลงมาสมทบ เป็นร่องธารน้ำแข็งให้ดูชมเป็นระยะๆ
เป็นความงามทางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ธรรมชาติดั้งเดิม บริสุทธิ์ไร้การรุกล้ำล่วงเกินโดยมือมนุษย์ เป็นเส้นทางชมธรรมชาติดั้งเดิมอันสวยสดงดงามจริงๆ รถแล่นไปข้างหน้าท่ามกลางความงามที่มือทวยเทพเท่านั้นถึงจะเนรมิตความพอเหมาะพอดีเช่นนี้ได้
เรากำลังฝ่าเข้าไปยังใจกลางฉากใหญ่แห่งเทือกเขาคาราโครัมอย่างสมบูรณ์แบบ มีแต่ภูเขาหินกับหิมะจริงๆ ฉากแสงเงาภูเขาที่ดูราวดังรอยเท้าสัตว์ในจินตนาการ ประทับเงาไล่ไปตามหน้าผา สลับสับเปลี่ยนกับแสงแดดจ้าที่ล้อเล่นกับเงา เหมือนได้นั่งดูแสงกับเงาออกเล่นซ่อนหากันจริงๆ
เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆก็ปรากฏชุมชนใหญ่ขึ้นตรงหน้า นาสซีไกด์ท้องถิ่นบอกเราทันทีว่า ที่นี่คือเมืองโซสต์ ผมตื่นเต้นมากๆ เป็นชุมชนสุดท้ายบนเส้นทางคาราโครัม ไฮเวย์ฝั่งประเทศปากีสถาน นับจากนี้เป็นต้นไป จะเข้าเขตธรรมชาติดั้งเดิมซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัย
ที่สำคัญนั้น อดีตเมืองโซสต์เป็นจุดพักค้างแรมสำคัญบนเส้นทางสายไหม เป็นจุดพักระหว่างทางมาตั้งแต่โบราณ อยู่คู่กับสายไหมมานับพันปี ความไกลลึกของเมืองโซสต์นั้น ทำหน้าที่เพียงเมืองผ่านทางเพื่อพักค้างแรมเท่านั้น
เมืองโซสต์มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อฟิยาตาบัด มีด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากรตั้งอยู่ ใครจะเดินทางต่อไปชายแดนจีน หรือรถยนต์จะผ่านจากเมืองนี้ไปชายแดน ต้องแสดงบัตรหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตรงจุดนี้
เมืองโซสต์จึงเป็นเมืองสุดท้ายที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีนมากที่สุด
ทันทีที่ลงจากรถ ผมออกเดินสำรวจทันที ผมติดใจกับเมืองพักแรมของนักเดินทางบนเส้นทางสายไหม มองสำรวจไปรอบๆ ก็เห็นแนวหน้าผาเป็นกำแพงใหญ่ล้อมไว้ทุกด้าน ด้านที่อยู่ใกล้ที่สุดเห็นชั้นดินชั้นหินชัดเจนมากๆ เป็นที่ราบหุบลึกมีภูเขาล้อมไว้จริงๆ
ด้วยพื้นที่แถบนี้อ่อนไหวต่อการเกิดแผ่นดินไหว ดินถล่ม ภูเขาคำรามหินถล่มเกิดบ่อยมาก หมายถึงว่าเป็นพื้นที่ที่แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวไหวบ่อยที่สุด บ้านที่ปลูกสร้างขึ้นจึงเป็นบ้านหินหลังเล็กๆ บ้างมุงเป็นเพิงกั้นสังกะสีดูทรุดโทรม สร้างเรียงเป็นกล่องๆ ด้วยอากาศที่เย็นเฉียบทั้งปี ทำให้กล่องแคบๆเหล่านี้ไม่สะทกสะท้านกับความร้อน
เมืองโซสต์เป็นเมืองชายแดนที่ยังมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากันอย่างคึกคัก เรียกว่าเดินไปทางไหนก็พบแต่ร้านค้า เต็มไปด้วยร้านขายของ วิถีชีวิตผู้คนอยู่กับการแลกเปลี่ยนซื้อขายจริงๆ แต่น่าสังเกตว่าคนขายส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยผู้ชาย อย่างกับเมืองที่ผู้ชายเดินแคทวอร์กกันจริงๆจังๆ ตามท้องถนน หน้าร้าน ตรอกซอกซอย พบเห็นแต่ผู้ชายทั้งนั้น แทบจะเห็นผู้หญิงออกมาเดินติดต่อซื้อขายของกันน้อยมาก
เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ เป็นปัจจัยสำคัญให้สินค้าจีนเดินทางด้วยรถยนต์ มาส่งสินค้าไปต่อกันเมืองนี้ เช่นกัน สินค้าจากปากีสถานก็ออกไปตามช่องทางนี้ เส้นทางการค้าตั้งแต่โบราณ ยังถูกใช้มาจนถึงการค้าขายในโลกยุคใหม่ ซึ่งอาศัยจักรกลเครื่องยนต์กลไกแทนสัตว์ แทนการเดินเท้า
ดังนั้น เราจึงเห็นรถจอดอยู่สองฟากถนน ผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อขาย ดูเคลื่อนไหวคึกคักอยู่ตลอดเวลา มีโรงแรมที่พักอยู่สองสามแห่ง สำหรับการพักแรมค้างคืน เป็นโรงแรมเล็กๆที่พอจะพักค้างคืนได้ เสมือนเป็นตัวแทนที่พักแรมในโลกยุคใหม่
สินค้าที่วางขายในร้าน จำพวกผ้าสารพัดผ้า เนื้อวัวเนื้อแกะชำแหละ ผัก ผลไม้ สินค้าบรรจุขวด กล่อง ลัง ร้านขายขนมปัง ร้านขายน้ำหล่อลื่นเครื่องยนต์ ฯลฯ สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันมีขายอยู่ตามร้านค้าต่างๆสองฟากถนน
แต่เพิงพักหลังคามุงสังกะสีอีกมากที่ปิดประตูเงียบ ผู้คนออกมาเดินไปมา ยืนพูดคุย รถยนต์ส่วนบุคคลที่จอดเรียงราย เป็นบรรยากาศของเมืองที่มีคนอาศัยเมืองสุดท้าย ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่ธรรมชาติของภูเขา ดูเหมือนผู้คนจะคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าแปลกตาที่ผ่านมายังเมืองนี้ เมืองแห่งการหยุดพักค้างแรมมาแต่โบราณจริงๆ